“แล้วผู้หญิงแบบไหนล่ะครับที่แม่อยากได้มาเป็นลูกสะใภ้ อย่าบอกนะครับ..ว่าผู้หญิงคนนี้”
ธันวาวางช้อนลง พร้อมกับเงยหน้าขึ้นไปมองจ้องตาโนรา ที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับตน ก่อนจะแสยะยิ้มที่มุมปากออกมาเมื่อได้มองสำรวจใบหน้าสวยของเธอจนทั่ว
โนรานึกฉุน และรู้สึกหมั่นไส้ กับท่าที และคำพูดของธันวาขึ้นมาในทันที และยังไม่รวมไปสายตาที่ยียวนกวนประสาทของเขาที่กำลังมองจ้องมาที่เธออย่างไม่วางตานั้นอีกด้วย
“ถ้าแม่ตอบว่าใช่ล่ะ แม่อยากได้ผู้หญิงอย่างหนูโนราคนนี้มาเป็นลูกสะใภ้ เราจะว่ายังไง”
คุณเบญจาถามเพื่อหยั่งเชิงธันวาบุตรชายของตนพร้อมกับมองธันวาที่ตอนนี้เขากำลังนั่งยิ้ม และจ้องใบหน้าสวยของโนราอย่างมีความหวังลึก ๆ อยู่ภายในใจ
“ว่าไงคุณ..แม่ผมอยากได้คุณมาเป็นลูกสะใภ้ สนใจมาเป็นเมียผมมั้ย”
“ถามแบบนี้หมายความว่าไงคะ”
“ไม่ได้ยินหรือไง ว่าเมื่อกี้แม่ผมท่านบอกว่าอยากได้คุณมาเป็นลูกสะใภ้ แล้วคุณล่ะ กล้ามาเป็นเมียผมหรือเปล่า”
“ถามว่ากล้ามั้ย ฉันก็จะขอตอบตรงนี้เลยว่า ฉันไม่กลัวคุณ และการที่ฉันจะเป็นเมียคุณ มันก็คงไม่ได้เลวร้ายอะไรหรอกใช่มั้ยล่ะคะ หรือคุณมันน่าเกลียดน่ากลัวจนไม่มีใครอยากเอามาเป็นสามีคะ”
โนรามองจ้องตาธันวานิ่งอย่างท้าทาย และพยายามเก็บอาการความรู้สึกตื่นตระหนกเอาไว้ไม่ให้ธันวาจับได้ ว่าตอนนี้เธอกำลังรู้สึกหวาดกลัวเขามากขนาดไหน
ก่อนที่เธอจะแสยะยิ้มร้ายออกมาที่มุมปากเช่นเดียวกันกับที่ธันวาเคยยิ้มให้กับเธอก่อนหน้านี้
“งั้นก็ดิลตามนี้นะ ว่าแต่คุณจะเริ่มมาเป็นเมียผมวันไหนล่ะ วันนี้เลยมั้ย?”
“เริ่มวันนี้เลยก็ได้ค่ะ งั้นหลังจากทานมื้อเช้านี่เสร็จ ก็เริ่มต้นด้วยการไปจดทะเบียนสมรสกันก่อนเลยมั้ยคะ ว่าไง..คุณกล้าหรือเปล่า?” โนราหันไปถามธันวาอย่างท้าทายเขากลับอีกครั้ง
“คุณนี่มัน เก่งใช่ย่อยเลยนะ คิดว่าตัวเองเก่งมากหรือไง ที่มาท้าผมแบบนี้ หรือคุณคิดว่าคุณจะเอาคนอย่างผมลงได้อย่างนั้นเหรอ”
“ฉันไม่ได้เก่งหรอกค่ะ แต่ผู้หญิงอย่างฉันไม่เคยกลัวผู้ชายอย่างคุณเลยสักนิด”
“งั้นก็มาลองดูกัน ว่าคุณจะเก่งกับผมได้สักกี่น้ำ”